บริการรักษาสิว รอยสิว และหลุมสิว
โปรแกรมรักษาสิว รอยสิว และหลุมสิวเฉพาะบุคคล หายจริงไม่เลี้ยงไข้ เพราะเรามีทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการรักษากว่า 15 ปี พร้อมด้วยยาและเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย ทีมแพทย์จึงพัฒนาโปรแกรมการรักษามากถึง 16 โปรแกรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาสูงสุด และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม
ชนิดของสิว
สิวมีหลายชนิด แต่สามารถแบ่งคร่าวๆ ได้ 2 ชนิดตามลักษณะที่พบ ได้แก่ สิวอักเสบ และสิวที่ไม่อักเสบ
-
สิวที่มีการอักเสบ เช่น สิวที่เป็นตุ่มแดงอักเสบ สิวที่มีตุ่มหนอง สิวหัวช้าง และสิวที่มีการทําลายของผิวข้างในจนเป็นโพรงคล้ายซีสต์
-
สิวที่ไม่มีการอักเสบ เช่น สิวอุดตันหัวขาวหรือเรียกว่าสิวอุดตันหัวปิด สิวอุดตันหัวดําหรือเรียกว่าสิวอุดตันหัวเปิด
สาเหตุของการเกิดสิว
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดสิวอย่างแน่ชัด แต่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกายจะมีผลต่อการเกิดสิว และยังมีปัจจัยอื่นที่อาจมีผลต่อการเกิดสิว เช่น กรรมพันธุ์ อารมณ์ อาหาร อากาศ ยา โดยรวมแล้วสามารถแบ่งปัจจัยหลักได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่
-
ปัจจัยภายในร่างกาย คือ ปัจจัยที่เกิดจากร่างกายเราเอง เช่น ระดับฮอร์โมน การตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมน กรรมพันธุ์ โรคเรื้อรัง และผิวพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวเราตั้งแต่กําเนิด
-
ปัจจัยภายนอก คือ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเรา เช่น ยา ครีม และเครื่องสําอางบางชนิด สภาพแวดล้อม แสงแดดและอุณหภูมิ และอาหาร ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ สําหรับฮอร์โมนแล้ว ร่างกายสามารถสร้างฮอร์โมนเพศแอนโดรเจน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นต่อมไขมันได้ โดยส่วนมากแล้วฮอร์โมนจะเริ่มสร้างเมื่ออายุ 11-14 ปี จึงมักพบสิวได้มากในวัยนี้และอาจอยู่ได้นานหลายปี ส่วนอาหารโดยทั่วไปไม่มีผลต่อการเกิดสิว แต่มีผลจากงานวิจัยเบื้องต้นว่าอาหารที่หวาน และอาหารจําพวกแป้ง จะทําให้เกิดสิวได้ง่าย นอกจากนี้ปัจจัยด้านอากาศ ก็จะมีผลบ้างขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนเป็นสิวมากในฤดูหนาว บางคนเป็นสิวมากในหน้าร้อน การใช้เครื่องสําอาง เช่น แป้ง ครีมบางชนิด เป็นปัจจัยที่สําคัญในการเกิดสิว เนื่องจากส่วนผสมในเครื่องสําาอางบางชนิดจะอุดตันรูขุมขนได้ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่สามารถพบสิวได้ในคนที่เลยช่วงวัยรุ่นไปแล้ว การระคายผิวบนใบหน้า เช่น การล้างหน้าที่มีการถูมาก หรือการบีบสิว รวมทั้งการใช้ยาบางชนิดก็ทําให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นได้ เช่น ยาคุมกําเนิด ยาเสตียรอยด์
หลุมสิว รอยดำจากสิว หรือแผลเป็นจากสิว
สาเหตุหลักมาจากปัญหาสิวอักเสบ ซึ่งหลังจากสิวอักเสบยุบลงก็มักจะทิ้งแผลเป็นไว้ สิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่มักเกิดการอักเสบของสิวอย่างรุนแรงถึงชั้นหนังแท้ ส่วนใหญ่มักจะมีหนองร่วมด้วย จึงทำให้คอลลาเจนถูกทำลายจนทิ้งรอยหลุมไว้หลังสิวหาย ซึ่งร่างกายพยายามซ่อมแซมตนเอง เนื่องจากเมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นก็มักจะมีพังผืดตามมาเสมอ พังผืดเหล่านั้นจะดึงรั้งทำให้เกิดแผลหลุมขึ้นมา นอกจากนั้นสิวอักเสบขนาดเล็ก หรือแม้แต่สิวอุดตันที่มีการแกะ กดสิว หรือบีบสิว ก็อาจจะทิ้งรอยแผลเป็นได้เช่นเดียวกัน
ชนิดของหลุมสิว
1. หลุมแอ่งกระทะ (Rolling scar) เป็นรอยหลุมที่มีลักษณะโค้งและตื้น คล้ายกระทะขนมครก ฐานของหลุมมีลักษณะนิ่ม ไม่แข็งตึง สามารถทดสอบได้โดยการดึงผิวให้ตึงแล้วจะไม่พบร่องรอยของขอบหลุมเหลืออยู่ เป็นชนิดของหลุมสิวที่ตอบสนองกับการรักษาดีที่สุด
2. หลุมกล่อง (Boxed Scar) เป็นรอยหลุมที่มีลักษณะขนาดใหญ่ประมาณ 3-5 มิลลิเมตร ขอบและฐานของหลุมมีขนาดใกล้เคียงกัน จึงมีรูปร่างคล้ายกล่องสีเหลี่ยม ฐานของหลุมจะแข็งตึง เกิดจากการมีพังผืด (fibrosis) ลึกถึงชั้นหนังแท้ ทดสอบได้โดยการดึงผิวให้ตึงก็จะยังพบรอยหลุมเหลืออยู่ เป็นชนิดของหลุมที่รักษายากพอสมควร
3. หลุมจิก (Ice Picked Scar) เป็นรอยหลุมแผลเป็นขนาดเล็กขอบชัดไม่เกิน 0.5 มิลลิเมตร ขอบของหลุมจะกว้างในขณะที่ฐานแคบและลึก ขอบอาจจะมีลักษณะยกนูนเล็กน้อย เป็นชนิดของหลุมที่รักษายากที่สุด
โปรแกรมรักษาสิว






โปรแกรมรักษารอยสิว



.jpg)
โปรแกรมรักษาหลุมสิว





